เช็กความเสี่ยง “โรคกระดูกพรุน” ไม่ใช่แค่ผู้สูงอายุที่ต้องระวัง

กระดูกพรุน ,อาการ ,สาเหตุ ,วิธีรักษา ,อาหารเสริม,วิตามินเสริม,สารสกัดงาดำ,เอมมรูร่า,เซซามีนกระดูกพรุน ,อาการ ,สาเหตุ ,วิธีรักษา ,อาหารเสริม,วิตามินเสริม,สารสกัดงาดำ,เอมมรูร่า,เซซามีน

หากพูดถึงโรคกระดูกพรุน หลายคนอาจนึกถึงแต่ผู้สูงวัยผมสีขาว ถือไม้เท้าช่วยพยุงเดิน แต่ในความเป็นจริงแล้วโรคกระดูกพรุนนั้นไม่ได้พบแค่ในผู้สูงวัย ชายหญิงอายุยังน้อยทุกคนต่างก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน เราจึงอยากชวนทุกท่านมาเช็คพฤติกรรมว่าตนเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุนหรือไม่

โรคกระดูกพรุนคืออะไร?

รศ.นพ.กระเษียร ปัญญาคำเลิศ อาจารย์ประจำภาควิชาสูติศาสตร์ – นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กล่าวบรรยายเรื่อง “ ลดเสี่ยงกระดูกพรุน เพิ่มคุณภาพชีวิต ” ไว้ว่า โรคกระดูกพรุนเป็นภาวะความผิดปกติของกระดูกที่มีการลดความหนาแน่นของมวลกระดูก ทำให้กระดูกมีโอกาสหักง่ายกว่าปกติ ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยร่างกายคนเราจะมีมวลกระดูกสูงสุดในวัย 30 ปี จากนั้นร่างกายจะค่อยๆ เริ่มสูญเสียมวลกระดูกไป เสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักง่าย โดยเฉพาะในเพศหญิงนั้นหลังหมดประจำเดือนมวลกระดูกจะลดลงอย่างรวดเร็ว

ภาวะกระดูกหัก หรือสะโพกหักในผู้สูงอายุเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยเกือบจะที่สุด โดยเฉพาะกับผู้สูงวัยที่มีปัญหาเรื่องกระดูกพรุน ที่มีภาวะของกระดูกเปราะบางกว่าปกติ ดูจากสถิติผู้ป่วยที่เกิดภาวะกระดูกสะโพกหัก 50% เคยกระดูกหักบริเวณอื่นมาก่อน และ 80% มาจากกระดูกพรุน ที่จะไปกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือตนเอง หรือดำเนินชีวิตประจำวันตามปกติได้ แยกเป็นสถิติได้ ดังนี้

  • 50% ของผู้ป่วย ต้องมีเครื่องช่วยเดิน
  • 25% ของผู้ป่วยมีความพิการตลอดชีวิต และอาจต้องนอนติดเตียง
  • 22% ของผู้ป่วย ต้องได้รับการช่วยเหลือในการขับถ่าย
  • 11% ของผู้ป่วย ต้องให้ผู้ดูแลให้การช่วยเหลือในการอาบน้ำ
  • 5% ของผู้ป่วย ต้องได้รับการช่วยในการรับประทานอาหาร

นอกจากนี้ยังต้องให้ความสำคัญในการดูแลและป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยล้ม ต้องคอยช่วยพยุงให้ผู้ป่วยมีการทรงตัวที่ดี มีการตรวจสอบผลข้างเคียงของยาที่จะทำให้ปวดศีรษะ มึนงง เดินเซ อีกทั้งควรปรับปรุงสภาพแวดล้อมและที่อยู่อาศัยให้เหมาะสม ป้องกันการหกล้มหรือการเกิดอุบัติเหตุที่อาจส่งผลให้เกิดภาวะกระดูกหักซ้ำได้

กลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับการตรวจความหนาแน่นของกระดูก เพื่อเช็กภาวะกระดูกพรุน

  1. ผู้ที่มีประวัติกระดูกหักจากภยันตรายแบบไม่รุนแรง
  2. ผู้ชายอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป และผู้หญิงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป
  3. ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่ส่วนสูงลดลงตั้งแต่ 4 เซนติเมตรขึ้นไป
  4. ผู้ที่ตรวจพบภาวะกระดูกบาง หรือกระดูกสันหลังยุบจากภาพถ่ายรังสี
  5. ผู้ที่รับประทานยาบางประเภท ที่ทำให้ความหนาแน่นของกระดูกลดลง
  6. ผู้หญิงที่หมดประจำเดือนก่อนอายุ 45 ปี รวมถึงผู้ที่ถูกตัดรังไข่ทั้งสองข้าง
  7. ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่มีน้ำหนักตัวน้อย (ดัชนีมวลกายน้อยกว่า 20 กิโลกรัมต่อตารางเมตร)
  8. ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับการรักษาด้วย aromatase inhibitors หรือผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากที่ได้รับการรักษาด้วย androgen deprivation therapy

สาเหตุของการเป็นโรคกระดูกพรุน
จากข้อมูลของกลุ่มเสี่ยงจะพบว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุนคือ การสูญเสียฮอร์โมนเพศหญิงจากการเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน หรือการผ่าตัดรังไข่ทิ้งก่อนอายุครบ 45 ปี และอีกหนึ่งปัจจัยก็คืออายุที่มากขึ้น เพราะกระดูกคนเราจะบางลง 1 – 3% ทุกปี เมื่ออายุมากกว่า 50 ปี

ปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน

  • สูบบุหรี่
  • น้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์
  • ใช้ยาสเตียรอยด์เกินขนาด
  • เป็นชาวเอเชีย หรือชาวผิวขาว
  • ขาดแคลเซียม หรือขาดวิตามินดี
  • มีประวัติครอบครัวเป็นโรคกระดูกพรุน
  • ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล เช่น เป็นโรคต่อมไทรอยด์
  • เป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคทางเดินอาหารผิดปกติ โรคตับ
  • ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ

วิธีการป้องกันโรคกระดูกพรุน

  • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะวิตามินดี และแคลเซียม
  • หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • งดสูบบุหรี่
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นส่วนผสม และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากมีผลทำลายกระดูก
  • ตรวจร่างกายเป็นประจำ และควรเข้ารับการตรวจวัดมวลกระดูกเมื่อมีอายุมากกว่า 50 ปี

วิธีรักษาโรคกระดูกพรุน

  • รักษาโดยการใช้ยา ได้แก่ ยากระตุ้นการสร้างกระดูก และยาต้านการสลายกระดูก ทั้งนี้จะเป็นการรักษาด้วยวิธีรับประทานยา หรือฉีดยานั้น ก็จะขึ้นอยู่กับแพทย์ที่รักษาในการพิจารณาความเหมาะสมต่อวิธีการรักษาของตัวผู้ป่วยแต่ละราย
  • การบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ ครบทั้ง 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารที่มีแคลเซียมสูง อุดมไปด้วยวิตามินดี จะช่วยรักษาโรคที่มีผลให้สูญเสียมวลกระดูกได้เร็วขึ้น ให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุน เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และควรหมั่นออกกำลังกายที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ

ขอขอบคุณ ข้อมูล

  • ผศ. พญ. คะนึงนิจ กิ่งเพชร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย,ศูนย์ออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
  • รศ.นพ.กระเษียร ปัญญาคำเลิศ อาจารย์ประจำภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวบรรยายเรื่อง “ลดเสี่ยงกระดูกพรุน เพิ่มคุณภาพชีวิต”
  • ภาพ : https://www.sepalika.com/